วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2560

4.0 พระ ... ชะตาไข่



ไข่ ตกถูกหิน ไข่ก็แตก
หิน หล่นใส่ไข่ ไข่ก็แตก
เป็นพระยุค 4.0 นี้  ไม่ง่ายนะครับ

สมัยพุทธกาล
ผู้ที่เข้ามาบวชในพระศาสนา แน่นอนว่ามีทุกชนชั้นวรรณะ ... 
และที่โดดเด่นคือ ผู้บวช ที่เป็นพระราชา ราชบุตร ราชธิดา กุลบุตร กุลธิดา ... 
ที่มาจากตระกูลสูง ก็แปลว่า เป็นผู้ที่พร้อมด้วย
จริยาวัตร และปัญญา ที่ถูกฝึกมาดีแล้ว ... ประการหนึ่ง

ความเป็นอยู่ และการบำเพ็ญสมณะธรรมของหมู่สงฆ์  
ทั้งการปฏิบัติธรรม และการเผยแผ่ธรรมแก่ประชาชน 
ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีฐานะมีกำลัง จากชนชั้นนำในสังคม 
เรียกว่า นำทั้งเศรษฐกิจ และจิตใจ  
ฉะนั้น กิจสำคัญ 2 ประการ คือ ฝึกสมาธิเพื่อให้เข้าถึงธรรม 
และ การทำประโยชน์สงเคราะห์ต่อประชาชนทั่วไป ... 
ก็เป็นไปด้วยความก้าวหน้า รุ่งเรือง

ภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ... 
จึงโดดเด่นและสง่างาม  ด้วยความสะอาด สงบ มีระเบียบ มีวินัย 
เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาเคารพเลื่อมใส ต่อทั้งผู้ที่มีศรัทธาอยู่แล้ว และผู้ที่มาใหม่

พุทธบริษัท 4 มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน  
มีศรัทธามั่นคงไม่คลอนแคลน  
และมีความจริงใจในการสนับสนุนการประพฤติธรรม และ การประกาศธรรม 
ของพระภิกษุสงฆ์ อย่างดีเยี่ยม

ณ จุดนี้  4.0 
การเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องธรรมดา เป็นที่เข้าใจกันดี  

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพระศาสนา กับพระภิกษุสงฆ์ ณ ปัจจุบัน นั้น  นับว่าน่าสลดใจอยู่ไม่น้อย

วัด ... ควรเป็นพุทธสถาน อันสะอาด สงบ ศักดิ์สิทธิ์ ใครไปใครมา ร่มรื่นเย็นใจ ...
แต่หลายวัดทุกวันนี้  คน นอกจากจะไม่เข้าไปช่วยดูแลรักษา 
ตรงกันข้าม นางควักมือขาด กุมารทองหัวขาด ศาลพระภูมิพัง  หมาแมวพิการ ... ฯลฯ  
ก็เอาไปทิ้งวัด ... 
วัด ชื่อว่า สถานที่ประดิษฐานพระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกสูงสุด ... 
แต่ คน  นี้แหล่ะครับที่เข้าไปทำให้วัดกลายเป็นที่ทิ้งขยะไปได้ 

ถามว่า พระ ท่านเตือนไหม บอกไหม  ก็คงจะกล้าบอกบ้าง ไม่กล้าบอกบ้างละครับ 
เพราะอะไร ? ก็เพราะถ้าไปพูดอะไรขัดหูโยม ... 
เป็นอันไม่มีบิณฑบาตฉัน ไม่มีกฐิน ผ้าป่าฯ ... จบกัน!

คราวนี้  พระ ที่เข้ามาบวช ...  ที่ดีๆ มีไหม มี ... ทำดีไว้ในพระพุทธศาสนาก็มาก ... 
แต่ไม่เคยพูดถึงท่าน ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร  ก็อยู่ในความสงบก็ท่านไป

แต่มันก็มีอีกพวกหนึ่งครับ ... คือ พวกที่ พ่อ แม่ สอนไม่ได้ ... ก็ตัดหางเอามาปล่อยวัด 
คนเสียๆ ก็เอาให้วัดอีกหล่ะครับ ... ถ้าพระอุปัชฌาย์ปฏิเสธ ก็ดราม่ากันอย่างที่เห็นเมื่อเร็วๆนี้
พ่อแม่ทำลูกเสียนิสัยไปเท่าไหร่  แล้วก็มาคาดคั้นว่า ... หลวงพ่อ หลวงปู่ จะช่วยแก้ไขให้ได้ ...  
การจะเปลี่ยนนิสัยสันดาน ไม่ใช่ว่า แค่โกนผม ห่มผ้าเหลืองแล้วนิสัยดีจะเกิดปุ๊บปั๊บ  ... 
มันต้องฝึกใจ ฝืนใจ ขัดใจ ตัวเอง ต้องใช้เวลา ต้องใจกำลังใจ ใช้น้ำอดน้ำทน ... 
แล้วถ้า ไม่ฝึก ไม่อดทน ไม่แก้ไขตัวเอง แต่ก็อยู่ในร่มผ้าเหลือง...แล้วเป็นไง ... 
ก็เป็นกลายเป็น...คนที่เข้ามาก่อเรื่องสร้างมลทินให้กับพระศาสนา 
กระทบกระเทือนศรัทธาผู้คน ... พระศาสนาก็มัวหมอง ... 
แล้ว คน ทุกวันนี้ก็หูเบา ใจร้อนกันจังครับ  ไม่สืบสาวราวเรื่อง ... 
แค่ได้ยินว่า พระอย่างนั้น อย่างนี้  เหตุผล กว้าง ลึก ยาว ไกล ไม่มอง ...
ขอด่าไว้ก่อน บ้างก็เหมารวม เลิกใส่บาตร ทำบุญไปซะเฉย ! …

ภาพรวมเลยเสียหายแบบเหมาหมู่ ...
พระดีๆ ที่ตั้งใจ อุทิศชีวิตเป็นอายุพระศาสนา เลยจะพลอยอดตายไปซะงั้น

พูดมาก เดี๋ยวจะหาว่าผมแก่ ... เอาแค่นี้นะครับ
พอสังเขป... ให้มองเห็นสภาพความเปลี่ยนแปลง ...

เพื่อจะขอให้ทุกท่านโปรดรู้เท่าทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคนี้
ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง อย่าพึ่งด่วนสรุป อย่าพึ่งเหมา
ขอให้แยกแยะ และช่วยกันดูแล แก้ไข ไม่ใช่ช่วยกันรังแก ไล่บัญชีเอากับพระดีๆ
ที่ท่านเองก็ยังฝึก ยังศึกษา อยู่ในระหว่างเดินทางไปพระนิพพาน ... 
ซึ่งมันยังไม่ถึง  
ขนบ ธรรมเนียม วัฒนธรรม วินัยของหมู่สงฆ์ นั้นมีอยู่ และละเอียดอ่อน
เราไม่รู้ลึกซึ้ง ก็อย่าพึ่งไปตัดรอนพิพากษาท่าน ...
ค่อยๆ ไตร่ตรอง ค่อยพูดค่อยจา แล้วหาทางรักษาพระพุทธศาสนา
ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาธรรม 
ไว้เป็นที่พึ่งเป็นแสงสว่างให้กับชีวิตลูกหลานกันดีกว่าครับ



ชาวศิวิไลซ์
31 สิงหาคม 2560




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น