ทุกวันนี้...เราถกกันไม่ลง... เพราะการศึกษาธรรมะที่ต่างกันมาก
ระหว่างผู้ที่ศึกษาปริยัติมาก ปฏิบัติน้อย แต่พูดเยอะ,
ระหว่างผู้ที่ศึกษาปริยัติมาก ปฏิบัติน้อย แต่พูดเยอะ,
ส่วนที่ปฏิบัติมากก็นิ่งเงียบ, ... ความไม่กระจ่างเลยมาตกอยู่ที่...ประชาชน!
หลวงพี่จะกรุณาให้ข้อคิดสักหน่อยได้ไหมคะ ?
--------------------
หลวงพี่จะกรุณาให้ข้อคิดสักหน่อยได้ไหมคะ ?
--------------------
หลวงพี่ขอยกเอาคำของพระพุทธเจ้าที่ชาวพุทธทั่ว
ๆ ไปมักจะอ้างกันบ่อย ๆ นะ
พระองค์บอกว่า... ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร
ตถาคตา
ท่านทั้งหลายต้องทำความเพียรเอง
ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้บอกหนทางเท่านั้น
จากพุทธพจน์บทนี้ ถ้าจะอุปมาให้เข้าใจกันง่าย ๆ ก็คงเป็นว่า...
หลักธรรมต่าง ๆ
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ หรือที่เรียกกันว่า ปริยัตินั้น
เปรียบเสมือนเป็นแผนที่นำทางไปสู่ความดีงาม ไปสู่มรรคผลนิพพาน
ส่วนการปฏิบัติตามหลักธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
ก็เปรียบเสมือนการออกเดินทางตามแผนที่นั่นเอง
การที่ใครสามารถท่องจำแผนที่จนขึ้นใจ
แต่ไม่ลงมือออกเดินทาง
ย่อมไม่ได้ทำให้เขาไปถึงจุดหมายปลายทางได้
ซึ่งก็เปรียบเหมือนผู้ที่รู้ปริยัติ
แต่ไม่ลงมือปฏิบัติ
ย่อมไม่สามารถบรรลุจุดหมายปลายทางในพระพุทธศาสนาได้
ส่วนผู้ที่ลงมือปฏิบัติ
โดยที่ไม่ศึกษาปริยัติเลย
ก็เปรียบเหมือนผู้ที่ออกเดินทางโดยไม่รู้แผนที่
ย่อมหลงทางได้ง่าย ยากที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางได้
เหมือนกับพวกนักบวชนอกพระพุทธศาสนา
ไม่ว่าจะเป็นลัทธิเปลือยกาย บูชาไฟ
หรือเคี้ยวกินอุจจาระ ฯลฯ
ซึ่งล้วนแล้วแต่ออกบวชเพื่อแสวงหาความพ้นทุกข์กันทั้งนั้น
แต่ก็อาศัยการปฏิบัติที่หลวงพี่พิจารณาดูแล้ว
อย่างไรก็ไม่น่าจะทำให้พ้นทุกข์ไปได้เลย
ดังนั้น
ในมุมมองของหลวงพี่
การศึกษาปริยัติและการลงมือปฏิบัติ จึงเป็นสิ่งที่จะต้องทำควบคู่กันไปนะ
จะมาบอกว่าสิ่งหนึ่งสำคัญกว่าหรือจำเป็นกว่าก็คงไม่ได้
และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำเอาทั้งสองอย่างนี้มาคุยอวดภูมิทับถมกัน
หรือแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย เป็นสายปริยัติ สายปฏิบัติ อะไรทำนองนี้
มันจะทำให้ชาวพุทธเราทะเลาะกันเอง
แล้วพระพุทธศาสนาของพวกเราจะยิ่งตกต่ำย่ำแย่ลงนะ
ฐานวีโร ภิกขุ
-------------------------
บันทึกมาแบ่งปัน โดย บัว อรุโณทัย
18 มกราคม 2560
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น