1.พระใช้
facebook ไม่ผิดหรือ?
ตอบ :
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า ใช้ทำอะไร
ถ้าใช้ในทางเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ก็ไม่เป็นบาปกลับเป็นบุญเพราะนำธรรมะมาสอนคนในสื่อเทคโนโลยี
ที่คนสมัยใหม่มักไม่มีเวลาอ่านหนังสือธรรมะ
ดังนั้นที่พระหรือวัดส่วนใหญ่เปิด facebook ขึ้นมาก็เพื่อให้ญาติโยมที่ไม่มีเวลา
หรือมีเวลาส่วนใหญ่อยู่หน้าจอได้อ่านธรรมะทางออนไลน์
นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ หรือใช้แจ้งข่าวบุญ ร่วมบุญในกิจกรรมงานบุญต่าง
ๆ
ให้ญาติโยมได้ร่วมบุญ อนุโมทนาบุญร่วมกัน
แต่ถ้าพระใช้ในทางที่ผิดเช่น
ใช้ในทางลามกอนาจารก็เป็นกรรม
และเป็นกรรมหนักด้วย
2.พระบวชแล้วทำไมไม่ละทางโลกโซเชี่ยลฯ
ตอบ :
ต้องเข้าใจดังนี้ก่อนว่า พระท่านมีหลายประเภทเช่น ...
พระนักปฏิบัติก็มี
ท่านก็จะปลีกวิเวกออกไปจาริกเดินธุดงค์
แบกกลดไปตามทางหรือเข้าป่าไปเลย
พระศึกษาปริยัติ
ท่านก็จะเรียนตำราคัมภีร์พระไตรปิฎกเพียงอย่างเดียว
เพื่อศึกษาและนำมาเผยแผ่ศาสนา
พระนักเผยแผ่ เช่น
พระนักเทศน์ พระนักอบรม
(จัดโครงการบวชพระ สามเณร อุบาสิกาแก้วฯ
หรืออบรมธรรมะให้กับนักเรียน นักศึกษา)
พระธรรมฑูต
ที่ถูกนิมนต์ไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อสอนธรรมะและประกาศศาสนา
หรือพระที่ท่านเป็นพระนักเผยแผ่ท่านก็มีหลายวิธีเช่น ...
ไปออกรายการโทรทัศน์
เขียนหนังสือ ทำBlog ,website
,facebook
เกี่ยวกับธรรมะเป็นของตนเอง
หรือของวัดทางสื่อออนไลน์ต่าง
ๆ ดังนั้น ...
จึงเป็นการไม่ผิดที่นำธรรมะมาเผยแผ่ ยังดีกว่าสื่อลามกอนาจารมิใช่หรือ
ให้คิดว่าเป็นบุญของเรา แม้เราไมมีเวลาแต่พระท่านมาโปรดถึงที่หน้าจอ
3.ทำไมเพื่อนที่พระรับ
add ไว้ จึงมีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงด้วย?
ตอบ :
หากว่าพระรับ add แต่ ผู้ชาย
ก็เท่ากับว่าการเผยแผ่ธรรมะเป็นการจำกัดเพศ จำกัดบุคคล
เพราะโยมสีกาที่เป็นผู้หญิงที่เขามีศรัทธา ขอ add ใน facebook
ของพระ
เขาก็อยากที่จะสนทนาธรรมะ แล้วอยากที่จะเป็นผู้เข้าใกล้พระรัตนตรัย
คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เหมือนกับผู้ชาย
แต่หากกลับกันถ้าผู้ถามที่เป็นผู้ชายว่า
ถ้าหากเขาไปเกิดเป็นผู้หญิงแล้วมีข้อจำกัดว่าไม่ให้พระแสดงธรรมะแก่เพศหญิง
เขาเหล่านั้นอยากที่จะศึกษาธรรมะ แต่ถูกปิดโอกาส จะเป็นเช่นไร
ดังนั้นให้บุคคลที่มีเนื้อที่ของใจอันน้อยนิด ทำใจให้กว้างขึ้น
4.แล้วพระเผยแผ่ทางสื่ออื่นไม่ได้หรือ?
ตอบ :
ตามความจริงเผยแผ่ได้หลายทาง เช่น ทีวี การเทศน์ หรือออกหนังสือเป็นต้น
แต่เราต้องมองความเป็นจริงว่า เราไปฟังธรรมะที่วัดกับพระทุกวัน
หรือเรามีเวลาไปถือศีลที่วัดทุกวันหรือไม่?
ดังนั้นการเผยแผ่พระพุทธศานาที่ตรงจุดและง่าย ให้กับเด็กเยาวชน
หรือคนยุคใหม่
จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี เช่น ทาง facebook live ออนไลน์เสวนาธรรมะเป็นต้น
หากพระจะไปเช่าสถานี ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
หากพระให้คำปรึกษาโยมทางโทรศัพท์
ก็จะมีคนที่จิตอกุศล คิดไปต่าง ๆ นานาอีกว่าพระคุยกับใครเป็นชั่วโมง
ดังนั้น การเผยแผ่ธรรมะ ต้องไม่เป็นการเดือดร้อนผู้เผยแผ่เองและผู้อื่นด้วย
5.ทำไมพระบางรูปจึงออนไลน์
facebook ดึก ๆ?
ตอบ :
พระบางรูปท่านอาจอยู่ต่างประเทศ เวลาไม่ตรงกันจึงออนดึกได้
บางกรณีตอนเช้าต้องไปเรียน ปฎิบัติศาสนกิจ หรือมีกิจนิมนต์ถึงเย็น
กลับมากว่าจะสรงน้ำ สวดมนต์ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม
หรือทำงานที่ได้รับมอบหมายจนดึก บางทีต้องหาข้อมูลงานทางอินเตอร์เน็ต
จึงออนไลน์ facebook ในช่วงที่ยังไม่จำวัตรนั่นเอง
ตีสามตีสี่
ก็ต้องตื่นมาทำวัตรสวดมนต์ บิณฑบาตตามปกติเป็นอย่างนี้ทุกวัน
ดังนั้นเราจึงไม่ควรด่วนสรุปว่าทำไมท่านจึงยังไม่จำวัตรพักผ่อนเสียที่
ว่าทำไมท่านไม่ออนไลน์ facebook ในตอนกลางวัน
คำตอบที่ตอบมานี้คงคลายข้อสงสัยอยู่ได้บ้าง
สรุปคือ...
หากพระท่านใช้สื่อโซเชียลฯ ในทางที่ดีงาม สอนจริยธรรม ศีลธรรม และให้ความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนาก็เป็นสิ่งดีเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจทั่วไปมิใช่หรือ? แต่มีข้อที่น่าให้คิดว่าทำไม เมื่อพระออกมาในสื่อเผยแผ่ออนไลน์หรือโซเชี่ยลฯ จึงมีคนโจมตีมากมายทั้ง ๆ ที่ใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ แก่คนทั่วไป แต่ทำไมสื่อลามกอนาจารมากมายที่เหตุของ กาม ตัณหา ราคะ ทำให้เกิดภัยสังคมมากมาย จึงมีคนส่วนน้อยที่ออกมโจมตี หรือวันนี้ จริยธรรมในใจคนนั้นหายไป !!?
Cr. ภิกษุหนึ่ง ณ ยุคSocial Network กล่าวไว้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น